เกร็ดความรู้-
ไทยเงิบ !! บริษัทญี่ปุ่นยื่นจดสิทธิบัตรใบกระท่อมพืชสมุนไพรไทยทั่วโลกแล้ว ชี้เป็นยารักษาชั้นเลิศ…พี่ไทยยังมึน
12:54 AM
กลายเป็นเรื่องราวที่ฟังแล้วต้องปวดใจกันอีกครั้ง เมื่อเวปไซด์ biothai.net ได้เผยแพร่ข่าวว่า บริษัทญี่ปุ่นยื่นเสนอจดสิทธิบัตรกระท่อมเพิ่มทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทยแล้ว หลังจากได้จดสิทธิบัตรสารสกัดจากกระท่อมในญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกาแล้วจำนวน 3 สิทธิบัตร การละเลยของรัฐบาลไทยและการปล่อยปละเลยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำให้ความฝันสร้างประเทศไทย 4.0 จากการได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมกลายเป็นความฝันที่ว่างเปล่า ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์
เมื่อสองปีที่แล้วเอ็ดเวิร์ด แฮมมอนด์ ได้เผยแพร่บทความเปิดเผยกรณีบริษัทของมหาวิทยาลัยญี่ปุ่น 2 แห่งคือ มหาวิทยาลัยชิบะ (National University Corporation Chiba University) และมหาวิทยาลัยโจไซ ( Josai University Corporation) จดสิทธิบัตรสารและอนุพันธ์ซึ่งได้จากใบกระท่อมพืชสมุนไพรที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยแพร่ใน TWN Info Service on Intellectual Property Issues การจดสิทธิบัตรดังกล่าวเป็นข่าวเล็กๆในสื่อมวลชนบางฉบับในประเทศไทยเมื่อเดือนเมษายน 2559 ที่ผ่านมา และข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวได้เงียบหายไปโดยปราศจากความใส่ใจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สถานะของสิทธิบัตร
ไบโอไทยพบว่านอกจากญี่ปุ่นได้รับสิทธิบัตรจำนวน 3 สิทธิบัตร คือ สิทธิบัตรสหรัฐ US patent 8247428 เมื่อปี 2012 สิทธิบัตรญี่ปุ่น patent 5308352 เมื่อปี 2013 และสิทธิบัตรสหรัฐ US patent 8648090 เมื่อปี 2014 แล้ว ขณะนี้มหาวิทยาลัยชิบะยังได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรผ่านสนธิสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตร หรือ PCT เพื่อให้มีผลในประเทศต่างๆซึ่งเป็นภาคีในสนธิสัญญาดังกล่าว 117 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยด้วย คำขอสิทธิบัตรดังกล่าวได้ยื่นต่อ WIPO (องค์กรทรัพย์สินทางปัญญาโลก) เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2014 ซึ่งภายใน 2 ปีครึ่งหรือ เมษายน 2017 คำขอสิทธิบัตรซึ่งองค์กรตรวจสอบระหว่างประเทศได้ตรวจสอบแล้วจะถูกจัดส่งมายังกรมทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อเข้าสู่การพิจารณาอนุมัติสิทธิบัตรของไทยต่อไป
เบื้องหลังการวิจัยสมุนไพรกระท่อมร่วมกับนักวิจัยไทย
เบื้องหลังการจดสิทธิบัตรของญี่ปุ่นเกิดขึ้นจากงานศึกษาวิจัยของหัวหน้าคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิบะ และมหาวิทยาลัยโจไซของญี่ปุ่นซึ่งร่วมทำโครงการวิจัยสารกลุ่มอัลคาลอยด์ในพืชกระท่อมของไทยร่วมกับ คณะเภสัชศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศไทย ตัวอย่างเช่น
-งานวิจัยเรื่อง Studies on the synthesis and opioid agonistic activities of mitragynine-related indole alkaloids: discovery of opioid agonists structurally different from other opioid ligands. ตีพิมพ์ในวารสาร J. Med. Chem. ปี 2002
-งานวิจัยเรื่อง Involvement of mu-opioid receptors in antinociception and inhibition of gastrointestinal transit induced by 7-hydroxymitragynine, isolated from Thai herbal medicine Mitragyna speciosa. ตีพิมพ์ในวารสาร Eur. J. Pharmacol เมื่อปี 2006
-งานวิจัยเรื่อง MGM-9 [(E)-methyl 2-(3-ethyl-7a,12a-(epoxyethanoxy)-9-fluoro-1,2,3,4,6,7,12,12b-octahydro-8-methoxyindolo[2,3-a]quinolizin-2-yl)-3-methoxyacrylate], a derivative of the indole alkaloid mitragynine: a novel dual-acting mu- and kappa-opioid agonist with potent antinociceptive and weak rewarding effects in mice. ตีพิมพ์ในวารสาร Neuropharmacology เมื่อปี 2008
ที่น่าเป็นห่วงมากไปกว่านี้คือคณะวิจัยจากต่างประเทศกลุ่มนี้ยังคงมี “ความร่วมมือทางวิชาการ” ร่วมกับนักวิจัยในประเทศไทยในมหาวิทยาลัยดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในการวิจัยสมุนไพรไทย
จนกระทั่ง ณ ปัจจุบัน อีกทั้งยังมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงนอกเหนือจากนี้อีก 10 สถาบัน รวมเป็น 11 สถาบัน โดยนอกเหนือจากกระท่อมแล้ว ยังมีพืชสมุนไพรอีกหลายชนิดที่อยู่ในความร่วมมือทางวิชาการดังกล่าวด้วย
ที่น่าhttp://www.naarn.com/8453/
0 comments